จอดทิ้งไว้เฉยๆ อาจพบกับปัญหาหลายๆ อย่างได้ ยิ่งช่วงโควิดที่แทบไม่ได้ออกไปไหนเลย ต้องกักตัวอยู่กับบ้าน หลายๆ คนคงจะไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเท่าไหร่
แต่หากปล่อยรถไว้เฉยๆ ไม่ได้แปลว่ารถจะอยู่ในสภาพดีตลอดไป รถที่ไม่ได้ใช้งานมักจะพบกับปัญหาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถสตาร์ทไม่ติด แบตเตอรี่เครื่องยนต์หมด หรือว่ามีความเสียหายที่ท่อรถ และอื่นๆ อีกมากมาย (ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่รถจอดทิ้งไว้และสภาพแวดล้อมรอบๆ ด้วย)
ดังนั้น วันนี้ โต ออโต้คาร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์จะมาให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้รถนาน ทุกคนจะได้ดูแลรถได้อย่างถูกต้องกัน!
เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ใช้นาน: จั๊มแบตรถให้ปลอดภัย
ขั้นตอนที่ง่ายที่สุดในการสตาร์ทรถที่ไม่ได้ใช้นานคือการเจั๊มแบตรถ เนื่องจากหลังจากที่ปล่อยรถทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน แบตเตอรี่รถยนต์อาจเสื่อมหรือสูญเสียประจุและพลังงานทั้งหมดไปได้ วิธีนี้จะเหมือนการเติมพลังให้กับรถยนต์ของคุณ

และนี่ก็คือขั้นตอนการจั๊มแบตรถให้ปลอดภัย:
- เปลี่ยนหรือเติมของเหลวในรถยนต์ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์ออโต้
- ใช้สายพ่วงข้างที่เป็นสีแดง (ขั้วบวก) เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้งานไม่ได้ จากนั้นก็นำสายพ่วงอีกข้างไปต่อกับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้งานได้
- ใช้สายพ่วงข้างที่เป็นสีดำ (ขั้วลบ) เชื่อมต่อกับแบตรถที่ใช้งานได้ ส่วนปลายอีกข้างให้หนีบกับชิ้นส่วนโลหะตรงเครื่องยนต์ของรถที่แบตเตอรี่เสีย หรือหนีบตรงพื้นผิวของรถที่มีสายดิน
- สตาร์ทรถคันที่ใช้งานได้ ปล่อยทิ้งไว้สักสองสามนาทีเพื่อให้แบตเตอรี่ของรถอีกคันได้ทำการชาร์จพลังงาน
- ลองสตาร์ทรถคันที่แบตเตอรี่หมด หากรถยังสตาร์ทไม่ติดให้ชาร์จต่ออีกสักสองสามนาทีแล้วลองใหม่อีกครั้ง
- เมื่อสตาร์ทรถติดแล้ว ให้ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออกโดยย้อนลำดับ ถอดสายสีดำ (ขั้วลบ) ออกจากชิ้นส่วนโลหะก่อน ตามด้วยการถอดอีกข้างของสีดำที่เชื่อมกับแบตเตอรี่รถที่ใช้งานได้ จากนั้นก็ถอดสายพ่วงสีแดงออกจากแบตเตอรี่ที่หมด และสุดท้ายก็ถอดสีแดงอีกข้างจากแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ปกติ
เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดอาจเกิดจากแบตเตอรี่ที่หมดสภาพ ในกรณีนี้ การจั๊มแบตรถอาจไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ให้กับรถยนต์

ขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่:
- ถอดแบตเตอรี่รถยนต์เก่าออก โดยการถอดสายขั้วลบออกจากขั้วลบ (ดูสัญลักษณ์ “-”) และถอดสายขั้วบวกออกจากขั้วบวก (สัญลักษณ์ “+”) หากคุณใช้อุปกรณ์โลหะ ไม่ควรนำอุปกรณ์ไปสัมผัสกับขั้วแบตเตอรี่เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟได้
- ถอดตัวยึดแบตเตอรี่ออก จากนั้นก็ยกแบตเตอรี่ออกไปวางไว้ในที่ที่ปลอดภัย
- ใช้แปรงลวดเส้นเล็ก น้ำ หรือเบกกิ้งโซดาทำความสะอาดที่หนีบก่อนจะใส่แบตเตอรี่ใหม่ลงไป พยายามขจัดฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากที่หนีบ นอกจากนี้ อาจจะทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่เพื่อล้างฝุ่นและสิ่งสกปรกด้วย
- ใส่แบตเตอรี่ใหม่ลงไปและยึดแบตเตอรี่ให้แน่น
- เชื่อมต่อขั้วบวกและขั้วลบอีกครั้ง
- ทดสอบรถของคุณด้วยการสตาร์ทรถหรือเปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันรถยนต์
น้ำมันรถก็เหมือนกับนม ตรงที่น้ำมันก็อาจจะเสียได้หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป น้ำมันมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน ดังนั้นจึงอย่าลืมว่าคุณเติมน้ำมันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
วิธีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันในถัง:
- นำปั๊มถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในฝาช่องเติมน้ำมันและสูบเอาน้ำมันปริมาณเล็กน้อยลงในภาชนะใส
- ปล่อยน้ำมันทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
- ถ้าเห็นน้ำมันแยกออกเป็นชั้นๆ หรือมีตะกอนแสดงว่าน้ำมันหมดสภาพแล้ว
- สูบน้ำมันออกให้ได้มากที่สุดและเติมน้ำมันใหม่เข้าไปแทน
เปลี่ยนมอเตอร์สตาร์ทรถยนต์
หากรถของคุณยังสตาร์ทไม่ติดหลังจากที่คุณลองสตาร์ทหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้ว คุณอาจจะต้องเปลี่ยนมอร์เตอร์สตาร์ทด้วย แต่ตำแหน่งของมอเตอร์นี้แตกต่างไปตามรุ่นของรถ ดังนั้นจึงต้องหาข้อมูลตำแหน่งมอร์เตอร์สตาร์ทในรถของคุณก่อน

- ถอดขั้วแบตเตอรี่และหามอเตอร์สตาร์ทเครื่องยนต์ สามารถหาได้จากคู่มือรถหรือทางอินเตอร์เน็ต
- ถอดชิ้นส่วนต่างๆ ที่บดบังมอเตอร์สตาร์ทอยู่ อย่าลืมถ่ายรูปชิ้นส่วนต่างๆ ก่อนถอดจะได้จำได้ว่าต้องใส่อะไรกลับเข้าไปบ้าง
- ปลดสิ่งที่เชื่อมต่อกับมอร์เตอร์สตาร์ททั้งหมดออก
- ถอดมอร์เตอร์สตาร์ทออกมาแล้วใส่อันใหม่ลงไป
- เชื่อมต่อมอเตอร์สตาร์ทอันใหม่และประกอบชิ้นส่วนต่างๆ กลับเข้าไป
- ต่อขั้วแบตเตอรี่เข้าไปใหม่และลองสตาร์ทรถ เครื่องยนต์อาจจะไม่ทำงานในทันที อาจจะต้องลองก่อนประมาณสองสามครั้ง
วิธีดูแลรักษารถที่ไม่ได้ใช้งานนาน
- สตาร์ทรถอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง
หากคุณไม่ได้ขับรถมาทั้งอาทิตย์ เราขอแนะนำให้คุณสตาร์ทรถและปล่อยทิ้งไว้ 10 นาทีเพื่อเป็นการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ควรตรวจสอบว่าเครื่องกำเนิดไฟและอุปกรณ์อื่นๆ ทำงานได้เป็นปกติ อย่าเปิดแอร์หรือวิทยุในรถระหว่างนี้เพื่อเป็นการชาร์จแบตให้เต็มที่
- ทำความสะอาดภายในรถยนต์
ทำความสะอาดส่วนต่างๆ ในรถยนต์ให้เรียบร้อย อย่าทิ้งขยะหรือเศษอาหารไว้ในรถเพราะอาจจะทำให้สัตว์หรือแมลงต่างๆ เช่น แมลงสาบและมดเข้ามาได้ นอกจากนี้ การทิ้งเศษขยะไว้อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ และในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทยอาจทำให้เกิดราขึ้นได้ง่าย แต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการติดตั้งเครื่องลดความชื้น
- เพิ่มความดันลมยาง
การไม่ใช้รถเป็นเวลานานอาจทำให้ยางรถเสียรูปทรงได้ และเมื่อกลับมาขับอีกครั้งก็อาจทำให้พวงมาลัยสั่นได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นด้วยการเพิ่มลมยาง 3 PSI หากคุณคิดจะจอดรถทิ้งไว้นานๆ นอกจากนี้ คุณอาจจะขับรถไปข้างหน้าและข้างหลังทุกๆ สองสามวันเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดยางแบนที่จุดใดจุดหนึ่งได้อีกด้วย
สรุป
เราหวังว่าคำแนะนำเหล่านี้จะสามารถช่วยคุณดูแลรถในช่วงล็อกดาวน์ได้อย่างถูกต้อง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสตาร์ทรถบ้างทุกๆ อาทิตย์ แต่หากคุณไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ก็สามารถทำตามคำแนะนำในการดูแลรถตามที่บอกมาได้