วิธีเลือกคาร์ซีทให้ปลอดภัย
คาร์ซีทหรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กคือสิ่งที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัย หลายๆ คนอาจมีความเข้าใจว่าการกอดหรือการอุ้มเด็กไว้กับตัวคือท่าที่ปลอดภัยที่สุด แต่ Carsome ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ต้องขอบอกไว้เลยว่านั่นคือความเชื่อที่ผิด! มีการทดลองและงานวิจัยแล้วว่าเด็กจะปลอดภัยที่สุดหากนั่งในคาร์ซีท การอุ้มเด็กไว้เฉยๆ ยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กกระเด็นออกไปจากตัวรถได้ ดังนั้นผู้ที่ขับรถและมีเด็กเล็กควรจะติดตั้งคาร์ซีทไว้จะดีที่สุด
แต่สำหรับใครที่ยังเป็นมือใหม่ วันนี้ Carsome จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีทอย่างละเอียด พร้อมบอกวิธีการติดตั้งคาร์ซีทและแนะนำว่าควรเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้เหมาะกับรถและเด็กแต่ละคนกันเลย!

ทำความรู้จักคาร์ซีท: ใช้คาร์ซีทแล้วปลอดภัยกว่าจริงหรือ?
คาร์ซีท (Car Seat) คือที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเนื่องจากที่นั่งและเข็มขัดนิรภัยของรถไม่เหมาะกับสรีระของเด็ก คาร์ซีทจึงดีไซน์มาเพื่อปกป้องและป้องกันเด็กจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วยลดความรุนแรงในการบาดเจ็บและกันไม่ให้เด็กเสียชีวิต คาร์ซีทสามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เป็นเด็กทารกจนถึงอายุ 12 ปี
มีงานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) พบว่าเด็กที่ไม่นั่งคาร์ซีทมักจะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์มากกว่าเด็กที่นั่งในคาร์ซีทถึง 3 เท่า ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกคาร์ซีทที่ถูกต้องคือสิ่งสำคัญเช่นกัน หลายคนอาจคิดว่าแค่ให้เด็กนั่งคาร์ซีทแบบไหนก็ได้ก็คงเพียงพอแล้ว แต่ผลการศึกษายังพบว่าเด็กที่นั่งคาร์ซีทที่มีขนาดไม่พอดีกับตัวก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บมากถึงสองเท่าเช่นเดียวกัน
ในหลายประเทศมีการออกกฎหมายให้เด็กเล็กต้องนั่งคาร์ซีทเท่านั้น แต่ในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยแล้ว หากบ้านไหนมีเด็กเล็กก็ควรซื้อคาร์ซีทมาติดตั้งไว้อยู่ดี
ประเภทของคาร์ซีท
การเลือกซื้อคาร์ซีทต้องคำนึงถึงอายุ ขนาดตัว และน้ำหนักของเด็ก โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- Rearward Facing Seats (คาร์ซีทที่หันหน้าเข้าหาเบาะ)

คาร์ซีทประเภทนี้เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 0-2 ปี คาร์ซีทแบบนี้จะสามารถปกป้องศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังของทารกได้ดีกว่าคาร์ซีทที่หันไปด้านหน้า และถ้าคุณอยากติดตั้งคาร์ซีทไว้ตรงที่นั่งข้างคนขับก็อย่าลืมปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยเพื่อความปลอดภัยด้วย
- Forward Facing Seats (คาร์ซีทที่หันหน้าออกจากเบาะ)

คาร์ซีทประเภทนี้ออกแบบให้มีสายรัดจำกัดการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และยังมาพร้อมกับสายรัดสำหรับการยึดที่นั่งไว้ด้วย คาร์ซีทประเภทนี้เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 2-7 ปี
- Booster Seats

เป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กที่มีขนาดตัวโตเกินกว่าขนาดของคาร์ซีทธรรมดา แต่ยังไม่โตพอที่จะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยได้เต็มที่ คาร์ซีทประเภทนี้เหมาะกับเด็กช่วงอายุ 4-12 ปี สายคาดควรพาดผ่านกระดูกเชิงกราน หน้าอก และไหล่ของเด็ก ส่วนเข็มขัดคาดเอวควรพาดผ่านอุ้งเชิงกรานโดยให้เส้นทแยงมุมอยู่เหนือไหล่ไม่ใช่ที่คอ
การติดคาร์ซีทประเภท Rearward Facing Seats
- สำหรับเด็กอายุไม่ถึง 1 ขวบ ควรติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะเสมอ
- ห้ามติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะตรงที่นั่งข้างคนขับที่มีถุงลมนิรภัยแบบไม่สามารถปิดใช้งานได้
- จะสามารถติดตั้งคาร์ซีทประเภทนี้ตรงที่นั่งข้างคนขับได้ในกรณีที่มีการปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยแล้วเท่านั้น
- ต้องใช้สายรัดแบบ 3 จุดหรือ 5 จุดสำหรับเด็อายุไม่ถึง 1 ขวบตามประเภทของเบาะรถยนต์
การติดคาร์ซีทประเภท Forward Facing Seats
- สำหรับคาร์ซีทที่หันหน้าออกจากเบาะควรติดตั้งตรงที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลัง
- หากจำเป็นต้องติดคาร์ซีทสำหรับเด็กไว้ที่ด้านหน้า ให้ปรับเบาะรถยนต์ให้ห่างจากถุงลมนิรภัยให้มากที่สุด (ทำตามคู่มือการติดตั้ง)
- สำหรับเด็กน้ำหนัก 9 – 12 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 5 จุด
- สำหรับเด็กน้ำหนัก 15 – 25 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 5 จุด
- สำหรับเด็กน้ำหนัก 22 – 36 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 3 จุด
ติดคาร์ซีทฝั่งไหนจะปลอดภัยที่สุด?

หลายๆ คนอาจะมีคำถามว่าแล้วควรติดคาร์ซีทตรงฝั่งไหนถึงจะปลอดภัยที่สุดล่ะ?
คำตอบก็คือเบาะหลัง! ผลการศึกษาพบว่าเบาะหลังคือตำแหน่งที่คาร์ซีทจะได้รับแรงกระทบเทือนน้อยที่สุดหากเกิดอุบัติเหตุ และไม่ควรวางคาร์ซีทที่เบาะข้างคนขับเพราะถุงลมนิรภัยอาจจะบีบอัดกับตัวเด็กหรือคาร์ซีทได้
และตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดก็คือตรงกลางของเบาะหลังนั่นเอง เพราะปลอดภัยจากแรงกระแทกต่างๆ
วิธีเลือกซื้อคาร์ซีท
การเลือกซื้อคาร์ซีทควรคำนึงถึงหลายปัจจัยเพื่อให้คาร์ซีทสามารถป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
- เลือกประเภทคาร์ซีทตามอายุ น้ำหนัก และขนาดตัวของเด็ก
ตามที่ได้บอกไปข้างต้นว่าคาร์ซีทมีอยู่ 3 ประเภท ได้แก่แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (สำหรับเด็กแรกเกิด – 2 ปี) แบบหันหน้าออกจากเบาะ (สำหรับเด็ก 2-7 ปี) และแบบบูสเตอร์ (สำหรับเด็ก 4-12 ปี) ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อให้เหมาะสมและถูกประเภท
- เลือกคาร์ซีทแบบติดตั้งถาวรหรือแบบเคลื่อนย้ายได้
สิงที่ต้องตัดสินใจต่อมาคือการเลือกว่าจะซื้อคาร์ซีทแบบไหนดี การเลือกคาร์ซีทแบบติดตั้งถาวรเหมาะกับการใช้แบบระยะยาว ไม่ต้องถอดเข้าถอดออกและมีความปลอดภัยสูง แต่มีข้อเสียคือมักจะหมุนไม่ได้และมีราคาสูงกว่า ส่วนคาร์ซีทแบบเคลื่อนย้ายได้สามารถใช้งานได้อิสระกว่า นำไปใช้กับรถเข็นเด็กก็ได้ ก็แล้วแต่ว่าคุณตัดสินใจจะเลือกซื้อแบบไหน
- เลือกคาร์ซีทที่มีสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยสากล
ถ้าหากอยากได้ของที่มีคุณภาพก็ต้องเลือกซื้อของที่มีมาตรฐาน ยิ่งคาร์ซีทเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันอันตรายแล้วก็ต้องยิ่งให้ความสำคัญกับมาตรฐานเป็นพิเศษ โดยคุณสามารถเลือกซื้อคาร์ซีทที่มีมาตรฐานได้จากสัญลักษณ์ความปลอดภัย เช่น ECE R44/04 มาตรฐานของสหภาพยุโรปหรือ FMVSS 213 มาตรฐานประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้เลือกคาร์ซีทที่มีระบบติดตั้งมาตรฐาน UN หรือที่เรียกว่า ISOFIX อีกด้วย ISOFIX เป็นรูปแบบคาร์ซีทที่ยึดติดกับตัวรถได้อย่างปลอดภัยที่สุด มีลักษณะเป็นแกนเหล็กที่ติดตั้งมาจากโรงงาน สามารถเสียบยึดติดกับรถที่รองรับ ISOFIX ได้เลย (ติดตั้งคาร์ซีทแบบนี้ปลอดภัยกว่าแบบยึดติดโดยเข็มขัดนิรภัยเฉยๆ) แต่ก็ไม่ใช่รถทุกรุ่นที่รองรับระบบนี้ ดังนั้นควรตรวจสอบก่อนจะซื้อ
- เลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับรถยนต์
นอกจากตัวเด็กแล้ว คาร์ซีทก็ต้องมีความเหมาะสมกับรถยนต์ด้วย โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเช็คอุปกรณ์ติดตั้ง เช็คว่าคาร์ซีทที่คุณต้องการออกแบบมาสำหรับเข็มขัดนิรภัยกี่จุด และรถของคุณสามารถติดตั้งได้ตามนั้นหรือไม่ ยิ่งถ้าเป็นคาร์ซีทมาตรฐาน ISOFIX ด้วยแล้วก็ต้องยิ่งเช็คว่ารถของคุณรองรับการติดตั้งแบบนั้นหรือไม่
สรุป
การติดคาร์ซีทคือสิ่งที่จำเป็นต่อความปลอดภัยของเด็ก และควรคำนึงถึงช่วงอายุ น้ำหนัก และขนาดตัวของเด็กก่อนจะเลือกซื้อคาร์ซีทด้วย การติดตั้งคาร์ซีทที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานจะช่วยลดเปอร์เซ็นต์การบาดเจ็บของเด็กได้อย่างมากเลยทีเดียว
หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถ หรือ ขายรถ แล้วล่ะก็… ที่ Carsome เสนอราคาให้คุณได้ดีที่สุด! เรามีขั้นตอนการชำระเงินที่รวดเร็ว และไม่มีขั้นตอนยุ่งยากใด ๆ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!