เคลือบแก้วคืออะไร มีข้อดียังไง?
เคลือบแก้ว (Glass Coating) คืออะไร?
เคลือบแก้ว หรือ Glass Coating คือการที่เรานำน้ำยาสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของ ซิลิกา (Silica) มาเคลือบที่ผิวรถเพื่อทำการปกป้องผิวรถของเรา โดยระดับความหนาของชั้นเคลือบ มีตั้งแต่ 1-9 H ซึ่ง 9H คือสูงสุด โดยที่การเคลือบแก้วนี้จะทำให้ผิวรถเราเป็นประกายเงางามและยังเป็นเกราะป้องกันอีกชั้นนึงของแล็คเกอร์และสีของรถยนต์เรา รวมทั้งยังสามารถทนรอยขีดข่วนในระดับบางๆได้อีกด้วย
ข้อดีของการเคลือบแก้ว
1. เหมาะสำหรับรถที่เป็นรอยง่าย เช่น รถสีขาวและดำ
2. ป้องกันและรักษาสีรถให้ดูสดใหม่และวาวฉ่ำ
3. ช่วยลดรอยขีดข่วน รอยขนผ้า และรอยขนแมว
4. ป้องกันแสง UV เหมาะกับผู้ที่ต้องจอดรถกลางแจ้งบ่อยๆ
5. ป้องกันคราบเปื้อนต่างๆ เช่น ฝุ่น มูลนก ยางมะตอย ฝน และ คราบหยดน้ำ เพราะเคลือบแก้วจะทำให้น้ำเกาะผิวรถน้อย ไม่ทิ้งคราบน้ำ
6. การเคลือบแก้วครั้งนึงจะอยู่ได้ประมาณ 2 – 3 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละศูนย์บริการ) ซึ่งนานกว่าเคลือบแว๊กซ์
7. ทำความสะอาดง่าย แค่ใช้น้ำฉีด คราบสกปรกจะหลุดออกมาง่าย เหมาะสำหรับคนไม่ค่อยมีเวลาล้างรถบ่อยๆ
ข้อควรระวังของเคลือบแก้ว
หลายๆ คนอาจจะยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเกี่ยวกับการเคลือบแก้ว โดยบางคนอาจจะเข้าใจว่าเคลือบแล้วจะทนได้ทุกรอยขีดข่วน ดุจดั่งเพชร ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทนไม่ได้ เคลือบแก้วไม่ได้ทนรอยขีดข่วนหนักๆ เช่น การเอาฟองน้ำติดทรายไปถูไปล้างรถ หรือเอาของแข็งๆ มาทุบมาขูด ถ้ามาขนาดนี้จะไม่เกิดรอยก็คงไม่ได้ เพราะไม่ได้ทนทานขนาดนั้นอย่าพึ่งเข้าใจผิดกันนะ
และรถที่ไปทำจะต้องเป็นรถที่ไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ เลย และสะอาดอยู่แล้ว ไม่อย่างงั้นต้องทำการ wet look ก่อน แต่กรณีรถป้ายแดงออกมาใหม่ๆ ก็สามารถทำได้เลย
การเคลือบแก้วนั้นมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพและความคุ้มค่าที่ได้รับ ทำให้การเคลือบแก้วเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า เพราะเคลือบทีเดียวอยู่ได้นานหลายปี ถ้าคุณอยากรักษารถคุณไว้นานๆ การเคลือบแก้วก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่คุ้มค่ากับการลงทุนกับรถที่เรารักเลยทีเดียว